“หลังคา”เปรียบเสมือนเกราะป้องกันบ้านของเราจากแดด ฝน และลมพายุ โครงสร้างหลังคาประกอบไปด้วยส่วนต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ “แปหลังคา” เพราะทำหน้าที่รองรับน้ำหนักของวัสดุมุงหลังคาและถ่ายเทน้ำหนักไปยังจันทันและคานต่อไป โดยแปหลังคามีให้เลือกหลายแบบ แต่จะเลือกแบบไหนดีนั้นเราไปดูพร้อมกันเลย
แปหลังคา คืออะไร
แป คือ ส่วนหนึ่งของโครงสร้างหลังคา ลักษณะเป็นไม้หรือเหล็กรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ติดตั้งวางขวางระหว่างจันทัน เพื่อรองรับน้ำหนักของแผ่นหลังคาทั้งหมด แล้วกระจายน้ำหนักไปยังรากฐานอื่น ๆ ของอาคาร อีกทั้งยังเป็นส่วนที่ยึดวัสดุมุงหลังคาอย่างกระเบื้องมุงหลังคา และเมทัลชีทเอาไว้ด้วยดังนั้นวัสดุที่ใช้ทำแปจึงต้องมีความแข็งแรง ทนทาน รองรับน้ำหนักได้ดีเพื่อป้องกันหลังคาตกท้องทำให้เกิดปัญหาหลังคารั่วซึมตามมา
แปหลังคามีกี่แบบให้เลือก
วัสดุที่นิยมนำมาใช้ทำแปหลังคา จะมีด้วยกัน 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
เหล็กรูปพรรณ
เป็นเหล็กที่ผ่านการแปรรูปออกมาเป็นรูปทรงแบบต่าง ๆ สำหรับใช้ในงานโครงสร้าง ซึ่งแปที่ทำจากเหล็กจะมีความแข็งแรงทนทานกว่าแปไม้มาก อายุการใช้งานยาวนาน แต่เกิดสนิมง่าย จึงต้องนำมาทาสีก่อนจึงจะสามารถนำไปใช้มุงหลังคาได้ โดยทั่วไปแล้วเหล็กที่นิยมนำมาใช้ทำแปจะมี 3 แบบ ได้แก่
1.เหล็กกล่อง (Steel Tube)
มีลักษณะเป็นแท่งทรงสี่เหลี่ยมยาว ด้านในกลวงคล้ายกล่อง เหล็กกล่องนิยมนำมาใช้ทำเหล็กแปหลังคา เนื่องจากแข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรับน้ำหนักได้ดี และราคาถูก เหล็กกล่องมีให้เลือกหลายขนาดตามความต้องการใช้งาน มีขนาดมาตรฐานเริ่มต้นตั้งแต่ 12×12 มิลลิเมตร มีความยาว 6 เมตร
2.เหล็กกล่องไม้ขีด (Rectangular Tube)
บางคนอาจเรียก เหล็กแป๊บแบน เหล็กกล่องแบน มีลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านในกลวง พื้นผิวเรียบไม่หยาบ ขอบของเหล็กกล่องแบนทำมุม 90 องศา เหล็กกล่องแบนมีความยาวมาตรฐาน 6 เมตร และมีขนาดตั้งแต่ 50 x 25 มิลลิเมตรขึ้นไป คุณสมบัติของเหล็กกล่องไม้ขีด คือ แข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา รองรับน้ำหนักได้ดี และราคาไม่แพง
3.เหล็กตัวซี (C Light Lip Channel)
มีหน้าตัดเป็นรูปตัวซี เข้ารูปขอบโค้งมน มีปีกแค่ด้านเดียว โดยยาวเท่ากันทั้ง 2 ฝั่ง ผิวของเหล็กต้องเรียบ ไม่ขรุขระ ไร้รอยต่อ มีความยาวมาตรฐาน 6 เมตรเหมือนกับเหล็กกล่อง จุดเด่นของเหล็กตัวซี เป็นเรื่องของน้ำหนักที่เบา ทำให้ขึ้นโครงง่าย แต่งยังคงความแข็งแรง และทนทาน
แปสำเร็จรูป
แปหลังคาสำเร็จรูปเป็นเหล็กแปที่ผ่านการออกแบบมาให้ตอบโจทย์กับงานโครงสร้างหลังคามากขึ้นและผ่านการคำนวณทางวิศวกรรมมาแล้วเรียบร้อย ทำให้แปประเภทนี้มีติดตั้งง่าย น้ำหนักเบา แต่สามารถรับน้ำหนักได้ดี แข็งแรงทนทาน ไม่เป็นสนิม และอายุการใช้งานยาวนาน แปสำเร็จรูปที่นิยมนำมาใช้ในงานหลังคา ได้แก่
- แปเหล็กกัลป์วาไนซ์ (Galvanized Steel) หรือแปเหล็กขาว
แปเหล็กกัลป์วาไนซ์ (GI) เป็นแปสำเร็จรูป ทำจากเหล็กที่ผ่านกระบวนการชุบสังกะสีแบบจุ่มร้อน (Hot-Dip Galvanizing) ทำให้เหล็กมีความทนทาน ทนต่อการกัดกร่อน ใช้งานได้ยาวนานขึ้น ลักษณะของเหล็ก GI จะมีความเงาใส เชื่อมง่าย นิยมนำไปใช้กับงานโครงหลังคา โครงสร้างอาคาร เป็นต้น
- แปเหล็กซิงค์เทา (GA)
แปเหล็กซิงค์เทา (GA) เป็นแปเหล็กเคลือบสังกะสีด้วยการใช้ไฟฟ้าเป็นตัวเหนี่ยวนำ ชั้นผิวเคลือบบางเบากว่า GI ตัวเหล็กมีผิวเรียบ เงางาม น้ำหนักเบา นิยมนำไปใช้กับงานโครงสร้างเบาอย่าง ฝ้า เพดาน เป็นต้น
- แปซีลาย
แปซีลาย (C-LINE) คือเหล็กแปสำเร็จรูปชนิดหนึ่งใช้เป็นโครงงานฝ้าเพดานฉาบเรียบ และงานผนังเบาทุกประเภท โดยซีลายผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง ชุบสังกะสีด้วยวิธี Hot-Dip Galvanized น้ำหนักเบา ไม่เป็นสนิม
- แปหลังคาสำเร็จรูปซีลเท็กซ์
แปหลังคาสำเร็จรูปซีลเท็กซ์ เป็นวัสดุโครงสร้างหลังคาสำเร็จรูป ผลิตจากเหล็กกล้าเคลือบสังกะสี (Galvanized Steel) ทำให้มีความแข็งแรง ทนทาน ไม่เป็นสนิม และรับน้ำหนักได้ดีกว่าแปทั่วไป เพื่อรองรับการติดตั้งกระเบื้องหลังคาชนิดต่าง ๆ
แปไม้
สุดท้ายเป็นแปไม้ แปแบบดั้งเดิมใช้สร้างบ้านสมัยก่อน ส่วนมากจะทำจากไม้เนื้อแข็งอย่าง ไม้แดง ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้ประดู่ ไม้มะค่า เนื่องจากทนทานต่อการกัดกินของปลวกข้อดีของแปประเภทนี้คือ น้ำหนักเบา แข็งแรงทนทาน แต่อายุการใช้งานสั้น อีกทั้งยังต้องเจอปัญหาปลวกกินไม้ตามมาในอนาคต
จะเห็นได้ว่าแปหลังคามีให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบต่างก็มีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันไป ดังนั้นการเลือกแปหลังคาจึงควรพิจารณาจากวัตถุประสงค์การใช้งานเป็นหลัก เช่น หากต้องการแปหลังคาที่แข็งแรงทนทาน แต่มีราคาไม่สูงมาก อาจเลือกใช้แปเหล็กแทนแปไม้ที่เสี่ยงต่อการโดนปลวกกิน และแปสำเร็จรูปที่ราคาค่อนข้างสูง
แล้วระยะแปเท่าไหร่ ? ถึงจะเหมาะกับวัสดุ
ระยะห่างของแปหลังคาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ความหนาของแปหลังคาน้ำหนักของวัสดุมุงหลังคา สภาพอากาศในพื้นที่ก่อสร้าง โดยทั่วไประยะห่างของแปหลังคาสำหรับวัสดุมุงหลังคาเมทัลชีท มีดังนี้
- เมทัลชีทความหนา 0.3 มม. ให้วางระยะแปไม่เกิน 1 เมตร
- เมทัลชีทความหนา 0.35 – 0.47 มม. ให้วางระยะแปไม่เกิน 1.20 เมตร
- เมทัลชีทความหนา 0.47 ขึ้นไป สามารถวางระยะแปได้ถึง 1.50 เมตร
สำหรับวัสดุมุงหลังคาชนิดอื่น ๆ เช่น กระเบื้องดินเผา กระเบื้องซีเมนต์ แผ่นเมทัลชีท สามารถกำหนดระยะห่างของแปหลังคาได้ตามคำแนะนำจากผู้ผลิตวัสดุมุงหลังคานั้น ๆ โดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญอย่างความหนาของแปและน้ำหนักของวัสดุมุงหลังคา รวมถึงประเภทของอาคารก่อสร้าง
สรุป
ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาเหล็กแปคุณภาพดี thaitaweeporn เรามีจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กครบวงจร ผลิตจากเหล็กกล้าคุณภาพสูง ตามขนาดที่ท่านต้องการ ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน หมดกังวลเรื่องแปโก่งหรือพังในหน้าฝน